รวมข้อคิดธรรมะสั้นๆ จาก ว.วชิรเมธี

พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี

ยิ่งเรียบง่าย ยิ่งใกล้ความสุข…ยิ่งเรื่องมาก ยิ่งยากจะพบความสุข

 
  1. คำวิจารณ์ผ่านมาต้องคว้าไว้…อย่าปล่อยให้ล่องลอยพลอยฟ้าฝน คำวิจารณ์มีค่าถ้าแยบยล ใช้สอนตนให้ก้าวไกลไร้เทียมทาน
  2. เรื่องบางเรื่องไม่น่าจะเก็บมาทุกข์…เหตุปัจจัยมันใหญ่เกินกว่าที่เราจะเข้าไปแก้ ถ้าเข้าใจแล้วปล่อยวาง เราก็ไม่ต้องโกรธ เมื่อไม่โกรธก็ไม่ทุกข์
  3. อย่ากลัวความทุกข์ เพราะเมื่อเราผ่านทุกข์ไปได้ มันจะกลายเป็นประสบการณ์ เป็นกำไรของเรา เราเกิดมาตัวเปล่า ต่อให้เราตายไป เหลือเสื้อผ้าใส่ตอนตายเพียง 1 ชุด นั่นก็ถือว่าเรายังได้กำไรอยู่ดี
  4. คนเราทุกคนรักตัวกูยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ที่โกรธ เกลียด ชิงชัง ทำลายล้างกันอย่ามโหฬารอยู่ทุกวันนี้ ล้วนมีที่มาจากเจ้า ตัวกูนี้ทั้งนั้น ถ้าเราไม่เรียนรู้ที่จะกำจัดมัน บางทีมันก็ขยายตัวจนกลายเป็นตัวกูระดับประเทศหรือระดับโลก
  5. หากทำงานโดยกินแรงเพื่อน คุณอาจจะได้รับความสบาย แต่จะเสียโอกาสในการเติบโต
  6. ความรักไม่เคยทำให้ใครทุกข์ การไม่รู้จักธรรมชาติของความรักต่างหากที่ทำให้เกิดทุกข์ ธรรมชาติของความรักคือเกิดขึ้น ดำรงอยู่ และแตกดับไปในที่สุด
  7. การเปลี่ยนแปลงตัวเองดีกว่าพยายามเปลี่ยนแปลงคนอื่น เพราะถ้าเราพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงคนอื่นหากเขา ไม่เห็นด้วย ก็จะกลายเป็นศัตรูกัน เวลาพระพุทธเจ้าไปสอนที่ใดก็ตาม คนไหนฟังพระองค์ก็สอนต่อ แต่ถ้าไม่ฟัง พระองค์ก็ทิ้ง เพราะฉะนั้นบางครั้งเราต้องหัดบอกตัวเองว่าจะไม่ไปเสียเวลากับคนทั้งโลกต้องปล่อยไปบ้าง
  8. เราไม่ได้โกงแต่เขาว่าเราโกง เราก็เสียใจ เราเป็นคนดีแต่เขาว่าเราเลวเราก็เสียใจ ดังนั้นจงอย่าด่วนเป็นตามที่เขาว่า แล้วเราจะเป็นสุข
  9. ความสำเร็จในชีวิตของคน วัดกันที่ คุณภาพของความคิด”
  10. ถ้าคุณคิดจะตัดกรรม ต้นทางของกรรมอยู่ที่ความคิด ฉะนั้นต้องตัดที่ความคิดชั่วก็จะตัดการทำชั่วได้ ดังนั้นไม่ต้องไปตัดที่วัด ตัดที่ตัวเราถึงจะถูก
  11. ถ้าคุณเกลียดใคร คุณไม่ต้องสาปแช่งเขาหรอก คนเลวๆมีมากพอแล้ว เราอย่าเลวไปอีกคนหนึ่ง เราควรใช้ชีวิตของเราให้ดี การแช่งเขาเท่ากับเราเลวไปด้วย
  12. เตือนตนเองว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นของเราอย่างแท้จริง ไม่มีสิ่งใดเป็นของเราตลอดกาล เราหึงหวงสิ่งใดเท่ากับเราตกเป็นทาสสิ่งนั้น
  13. เคล็ดลับหน้าใสของพระพุทธเจ้ามีดังนี้ ไม่หวนละห้อยถึงความหลัง ไม่พะว้าพะวังถึงอนาคต จ่อจดอยู่กับขณะปัจจุบัน ผิวพรรณจึงผ่องใส
  14. ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับความมี แต่อยู่ที่เราค้นพบว่าอะไร คือ แก่นแท้ของชีวิต แล้วอยู่กับสิ่งนั้นด้วยความรัก คนนั้นคือคนมีความสุข
  15. ชนะอย่าลำพอง แพ้อย่าหดหู่ ชีวิตมีขึ้นมีลงเป็นธรรมดา ยามขึ้นจงอย่าประมาท ยามแพ้จงให้โอกาสตัวเองได้เริ่มต้นใหม่
  16. โดยเนื้อแท้แล้ว ความเครียดเป็นเพียงอาคันตุกะ เป็นแขกที่จรมาเป็นชั่วครั้งชั่วคราว…เราต่างหากที่เปิดบ้านให้เขาพัก จนกลายเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง
  17. คนที่ เป็นตัวของตัวเองอย่างมีปัญญา (ไม่ใช่เป็นตัวของตัวเองด้วยความโง่ อวดดื้อถือดี สำคัญตนผิด) จึงเป็นคนที่มองโลกใบนี้อย่างรื่นรมย์ กายเบา จิตเบา อัตตาเบา อยู่ในโลกอย่างเป็นนาย ไม่ถูกโลกและโลกย์ลากไป
  18. มีคนเกลียดยังดีกว่าไม่มีคนรู้จัก มีคนวิจารณ์ยังดีกว่าทำอะไรแล้วไม่มีคนเห็น เป็นคนแต่มีความทุกข์ ถึงกระนั้นก็ยังดีกว่าเกิดเป็นเดรัจฉาน
  19. อย่าเอาแต่เฝ้าชื่นชมความสำเร็จของคนอื่น ตัวเธอเองก็มีศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน ขออย่างเดียว…จงอย่าดูถูกตัวเองเท่านั้น
  20. งานเลี้ยงลูก ถือว่าเป็นการบำเพ็ญบารมีก็ได้ โดยเฉพาะถ้าลูกดื้อมากๆ ก็ให้บำเพ็ญบารมีคือความอดทน ถ้าพูดอะไรแล้วลูกไม่ฟัง ก็เตือนตนเองว่า เราต้องเป็นพ่อแม่มืออาชีพให้หนักกว่านี้อีก
  21. เราสามารถสร้างโลก โดยผ่านการสร้างลูก…ถ้าลูกดีโลกก็ดี ลูกเป็นอย่างไรโลกเป็นอย่างนั้น
  22. ถูกยั่วให้โกรธแต่ไม่โกรธ ถูกยั่วให้เกลียดแต่ไม่เกลียด ถูกยั่วให้หลงแต่ไม่หลง นี่คือวิถีทางของยอดคน
  23. คนที่คิดทางบวกเป็นคนที่โชคดีและได้กำไรเสมอ ส่วนคนที่คิดในทางลบ แม้เรื่องดีๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ก็ยังไม่รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์กับตน วิธีคิดบ่งบอกอนาคต กำหนดชะตากรรม เราคิดอย่างไรก็จะกลายเป็นคนอย่างนั้น คิดบวก ชีวิตก็เป็นบวก คิดลบ ชีวิตก็ติดลบ
  24. คน ส่วนใหญ่สนใจแต่ความมั่นคงทางการเงิน ความมั่นคงทางธุรกิจ ความมั่นคงทางอำนาจ ความมั่นคงทางครอบครัว แต่หารู้ไม่ว่า “ความมั่นคงทางใจ” นั้น สำคัญเสียยิ่งกว่าความมั่นคงทุกอย่างเพราะด้วยใจที่มั่นคง ก็จะทำให้ความมั่นคงด้านอื่นๆ ตามมา”
  25. หากเรารู้จักแบ่งเวลา ให้กับงานและกับคนได้ทั้งโลก ก็ควรรู้จักที่จะแบ่งเวลาให้กับมารดาบิดา ของตัวเองด้วยเช่นกัน