วิธีฝึกตัวเองให้คิดบวก

ฝึกตัวเองให้คิดบวก

คิดมากไปไม่เกิดประโยชน์

การคิด คือ ศิลปะการใช้ชีวิต คิดอย่างไรชีวิตเป็นอย่างนั้น ความคิดของคุณเป็นตัวกำหนดชีวิตของคุณ คนฉลาดต้องรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรเก็บมาคิด ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่ดี ไม่เก่ง หรือมันเป็นไปไม่ได้มันก็จะเป็นอย่างที่คุณคิด   ถ้าอยากได้ดีต้องคิดเสมอว่าเรามีคุณค่า เราเก่ง เราทำได้ ไม่มีอะไรมาลดทอนคุณค่าของเราได้ อุปสรรคอะไรก็มาขัดขวางความสำเร็จของเราไม่ได้ การคิดบวก คือ การคิดที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น

ความรู้สึกเบื่อ เหงา หมดหวัง หดหู่ใจ ท้อแท้ รู้สึกไม่มีคุณค่า รู้สึกผิด ทำให้เราไม่สามารถควบคุมความคิดในแง่ลบกับตัวเองได้ ถ้าเราไม่รู้ทันจิตตัวเอง จะไม่รู้ตัวว่าเรากำลังเผลอคิดไปเรื่อยเปื่อย ส่วนมากเป็นการคิดด้านลบ บ่นโน่นนี่ คิดวนเวียน คิดเรื่องที่ยังไม่เกิด คิดแทนคนอื่น แคร์คนอื่นมากเกินไป ทำให้เกิดความเครียด ทุกข์ วิตกกังวล คิดเรื่องไร้ประโยชน์ไปต่างๆนานา เราจึงต้องฝึกตัวเองให้รู้เท่าทันจิตว่าตอนนี้ขณะนี้เรากำลังคิดอะไรอยู่แล้วมันมีประโยชน์ไหม? แล้วเรียกสติให้ความคิดของเรากลับมา ไม่ต้องไปคิดถึงอดีตที่ผ่านไปแล้วหรืออนาคตที่ยังมาไม่ถึงให้อยู่กับปัจจุบันเท่านั้น รูสาเหตุที่ทำให้คิดลบแล้วก็หาวิธีจัดการทันที

จงห่างคนคิดลบ เพราะเขาจะมีปัญหาในทุกๆทางออก

“หนึ่งในวิธีทำชีวิตให้มีความสุข คือ พยายามออกห่างคนมองโลกในแง่ร้าย เพราะสิ่งเหล่านี้ติดต่อกันได้”

หากคนใกล้ๆเรากำลังคิดลบ ชอบบ่น แขวะ ติโน่นตินี่ให้ฟัง มองโลกในแง่ร้าย หรือพูดบั่นทอนกำลังใจเรา พูดจาทำร้ายความรู้สึกเรา ซึ่งบางครั้งเขาก็อาจพูดโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ หากเราอยู่กับคนพูดลบๆแล้วเราจะเครียด หดหู่ใจ เศร้าหมองตามเขาไปด้วย กำลังใจในชีวิตเราจะถดถอยลง ยิ่งสมัยนี้ เราจำเป็นต้องเลือกอ่านเลือกดูอะไรในโลกของโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค การอ่านคอมเม้น ที่มีแต่แง่ลบ จะทำให้เราคิดลบเช่นกัน

เราอาจจะเปลี่ยนหรือควบคุมเขาไม่ได้ เราจึงต้องควบคุมตัวเราเองแทน ให้ถอยห่างจากคนคิดลบออกมา พยายามคุยด้วยให้น้อยที่สุด คุยเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพราะอยู่ด้วยแล้วชีวิตเราไม่ดีขึ้นอย่างแน่นอน แล้วพาตัวเองไปอยู่ใกล้กับคนคิดบวกคิดดี คนที่ให้กำลังใจในชีวิตเรา คนที่พาเราไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น

คนที่คิดลบบ่อยๆ พอสะสมนานเข้าจะทำให้กลายเป็นโรคซึมเศร้าไม่รู้ตัว คนคิดลบจะมัวแต่บ่น โทษนั่นโทษนี่ โทษโชคชะตา คิดเศร้าโศกเสียใจ โมโห ร้องไห้ คิดไม่เป็นว่าทำยังไงให้เราพ้นจากตรงนั้นได้ ท้ายที่สุดจะกลายเป็นคนใจเสาะ ชีวิตเปราะบาง ถ้าเราไม่รู้จักใช้ปัญญาให้เป็น ชีวิตเราจะมีคุณค่าน้อย เราจึงต้องหัดคิดให้ชีวิตเป็นบวก  

การคิดบวกฝึกได้

เราลองมาฝึกกัน เหมือนกำลังเล่นเกมส์อยู่ ชื่อว่าเกมส์ “คิดบวก พูดบวก ทำบวก” สิ่งสำคัญคือมีสติเสมอ อยู่กับปัจจุบัน เมื่อเรารู้ตัวว่ากำลังคิดลบอยู่ อย่าปล่อยให้คิดลบนานเกิน 10 วินาที ให้รีบดึงตัวเองกลับไปเป็นบวกให้ได้

ความท้าทายของชีวิต คือ…การคิดบวกให้ได้ทุกเรื่อง ถ้าคุณสามารถดึงตัวเองจากสถานการณ์ที่กำลังคิดลบมาอยู่ในแเดนบวกได้ทุกครั้ง…คุณคือผู้ชนะแล้ว

1. ปัญหาเกิดขึ้นมาเพื่อมอบปัญญาให้กับเรา

การเกิดปัญหาต่างๆขึ้นกับเรา ขั้นแรกต้องยอมรับความจริงก่อนว่าปัญหาเกิดขึ้นกับเรา แล้วรับมือกับความจริงด้วยทัศนคติเชิงบวก ในเมื่อมันหนีปัญหาที่เกิดขึ้นจริงไม่พ้น คิดว่านั่นคือโอกาสในการเรียนรู้

การคิดว่า “สิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นดีเสมอ” มองปัญหาเป็นความท้าทาย อะไรมันจะเกิดก็ไม่กลัวหรอก เป็นการกระตุ้นให้ฝึกแก้ปัญหาและเป็นบ่อเกิดแห่งการคิดค้นสิ่งใหม่ๆเพื่อทำให้ชีวิตดีขึ้น เป็นการฝึกคิดให้เป็น เป็นนักคิด หางานให้สมองทำ ทำให้สมองไม่ฝ่อ ทำให้ความคิดเราเติบโตขึ้นและจิตใจแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทุกปัญหาหากเราสนุกเรียนรู้กับการแก้ไขปัญหานั้น ไม่ว่าผลลัพท์จะออกมาเป็นอย่างไร เราก็ไม่มีอะไรจะเสียเพราะได้ทั้งประสบการณ์และบทเรียนดีๆ ต่อให้เราหกล้มก็ยังได้เรียนรู้ที่จะลุก

อย่าเอาแต่วิ่งหนี “ความทุกข์” เพราะนั่นคือการโดดเรียน “วิชาชีวิต”

2. สนใจแต่เรื่องดีๆที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น

เรื่องที่รับรู้แล้วทำให้หดหู่เครียดกำลังใจถดถอยลง ให้หนีห่างออกมา  ถ้ามีคนมาว่าเรา ต้องดูว่าเป็นความจริหรือเปล่า ถ้าจริงก็หาวิธีทำให้ดีขึ้น ถ้าไม่จริงก็อย่าเก็บเอามา เพราะคำติฉินนินทาที่ไม่ใช่ความจริงก็เหมือนขยะ จะเก็บเอามาใว้ทำไม

3. เลิกเอาตัวเองเปรียบเทียบกับคนอื่น

เลิกเปรียบเทียบกับคนที่ดีกว่าเรา เพราะมันจะทำเรารู้สึกด้อยกว่าน้อยเนื้อต่ำใจที่เราไม่ดีเหมือนเขาความมั่นใจของเราจะลดลง เราทุกคนต่างก็มีความสามารถที่ไม่เหมือนกัน เราควรพัฒนาด้านที่เราถนัดให้ดีที่สุด แล้วเรารู้สึกจะภูมิใจในตัวเราเองที่สุด

ชีวิตของคุณจะดีหรือไม่ดี จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูด ลมปาก คำสาบแช่ง หรือคำสบประมาทของใคร แต่มันขึ้นอยู่กับความคิด-คำพูด-และการกระทำของคุณล้วนๆ

4. สิ่งแวดล้อมที่ดีช่วยให้ชีวิตเป็นมงคล

เราต้องเอาตัวเองไปอยู่ในสังคม ที่ใรแต่คนที่สนับสนุนเรา ที่ๆทำให้เรารู้สึกสบายใจ กล้าแสดงออกทางความคิด ได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ ช่วยผลักดันให้ชีวิตเราก้าวหน้าขึ้น

5. ให้อภัยคนที่ทำผิดกับเราหรือทำให้เราเสียใจ

ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่แค้น แต่เราต้องป้องกันตัวเองไม่ให้เขาทำกับเราอีก ลองให้อภัยดู แล้วจะรู้ว่าใจสบายแค่ไหน

6. เลิกโทษคนอื่น เลิกโทษตัวเอง

ทุกคนเป็นมนุษย์ย่อมทำความผิดพลาดเป็นเรื่องปกติ ตัวเราเองก็เช่นกัน โทษคนอื่นแล้วทำให้ชีวิตเราดีขึ้น? ลืมเหตุการณ์ในอดีต อย่าสนใจเรื่องของคนอื่นที่เราไม่สามารถควบคุมได้ แล้วก้าวต่อไป ไปสู่อนาคตอันสวยงามของเราเอง

7. เลิกแก้ตัว 

กล้ายอมรับความจริง อย่ากลัวเสียหน้า ขอโทษหากผิดจริง หากไม่ผิดก็บอกเหตุผลดีๆ แล้วหาวิธีแก้ปัญหา

8. หยุดบ่น 

การบ่นไม่เกิดประโยชน์ และเสียพลังงานไปโดยใช่เหตุ บางสิ่งบางอย่างเราไม่สามารถควบคุมได้ บ่นไปก็เท่านั้น ไม่มีใครชอบหรืออยากอยู่ใกล่คนขี้บ่น เลิกบ่นแล้วลงมือทำกันดีกว่า สุขภาพจิตจะได้ดีขึ้นด้วย

9. อกหัก ผิดหวัง เสียใจ มีความทุกข์

อะไรก็ตามแต่…ท่องคำนี้ไว้  “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” ไม่ว่าเราจะรู้สึกทุกข์หรือสุขก็ตามไม่มีอะไรยั่งยืนตลอดไป

10. ความโกรธทำให้คนตายได้

ความโกรธไม่มีข้อดีสักอย่าง ความโกรธและความแค้นที่ไม่ยอมปล่อยวางทำให้ใจเป็นทุกข์ โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า…เมื่อกำลังโกรธใครสักคน อย่าตัดสินใจทำอะไรทั้งนั้น วูบเดียวที่ขาดสติ ทั้งชีวิตที่เหลืออาจต้องจบสิ้นทุกอย่าง ให้เดินหนีออกมา แล้วสักพักมันก็จะผ่านไป ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้กับตัว

11. เมื่อรู้ตัวว่าเครียดให้หาอะไรอย่างอื่นทำทันที 

อย่าปล่อยให้ได้คิดฟุ้งซ่านให้เกิดความเครียด ยิ่งบันเทิงใจก็ยิ่งดี เช่น ฟังเพลง  นั่งสมาธิ ฟังธรรมมะ อ่านหนังสือ ดูหนัง  ไปเที่ยว หรือไปทำบุญ ศึกษาชีวิตโลกแล้วเราจะรู้ว่าชีวิตเราโชคดีกว่าหลายๆคนในโลกนี้ซะอีก หรือจะไปออกกำลังกายให้เหงื่อออกเยอะๆก็ได้ ช่วยให้นอนหลับพักผ่อนได้เต็มที่พอตื่นขึ้นมาเราก็ลืมความทุกข์ไปแล้วก็มาเริ่มชีวิตวันใหม่กัน

12. การคิดบวกเป็นการทำให้ตัวเรามีความสุขแทนความทุกข์

เมื่อตัวเราเองมีความสุข จิตใจเบิกบาน ก็มีพลังไปสู่เป้าหมาย เวลาจะทำอะไรก็จะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว

ทุกอย่างๆมีด้านดีและด้านลบเสมอๆ เพียงแต่คุณเลือกที่จะคิดด้านบวกหรือด้านดีเอาไว้ก่อน หัดมองโลกในแง่ดีขึ้นบ้าง แล้วชีวิตคุณจะดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ