คนที่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น เพราะธรรมชาติของมนุษย์มีนิสัยที่อยากรู้อยากเห็น อาจจะถามเพราะเหตุผลในด้านดี เช่น เป็นห่วงคนที่ถูกถามว่าอยู่ดีสบายกันหรือเปล่า มีอะไรที่ช่วยเหลือได้หรือเปล่า หรืออาจจะถามเพราะเหตุผลในด้านลบ เนื่องจากคนไทยบางคนมีนิสัยชอบแข่งขัน โอ้อวด เปรียบเทียบ อิจฉา ริษยา และขาดการอบรมในเรื่องมารยาทสังคม หรือเพราะเหตุผลอื่นๆ หรือก็ตาม คนถามอาจจะเป็นญาติพี่น้อง เพื่อน คนรู้จัก ที่ขาดความเกรงใจและไม่รู้กาลเทศะ เมื่อถามไปแล้วอาจนำเรื่องของเราไปพูดต่อในทางที่ดี หรือไม่ดีก็ได้ หรือบอกไปก็อาจมีปัญหาที่จะทำให้เราไม่สบายใจ
คำถามยอดฮิตที่มักจะโดนถามกันเมื่อเจอหน้า คือ เงินเดือนเท่าไหร่ มีแฟนหรือยัง เมื่อไหร่จะมีแฟน เมื่อไหร่จะแต่งงาน เมื่อไหร่จะมีลูก ซื้อบ้านเท่าไหร่ แฟนทำงานอะไร ซื้อรถเท่าไหร่ ถามเรื่องครอบครัว เป็นต้น ซึ่งเราต้องเข้าในว่า ถึงแม้เราอาจจะอึดอัดกับคำถามอยู่บ้าง แต่มันเป็นวัฒนธรรมของคนไทย สังคมเครือญาติ ที่มักจะถามสารทุกข์สุขดิบหรือทักทายเมื่อเจอหน้ากัน มักจะถามเรื่องแบบนี้กันเป็นธรรมดา ส่วนคนไทยรุ่นใหม่ ต้องหัดเรียนรู้ไว้ว่าคำถามเหล่านี้ไม่ควรถาม เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวและเป็นการเสียมารยาท
เราไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องส่วนตัวให้คนอื่นรู้ก็ได้ เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเรา และเพื่อความสบายใจของเราเอง เรามาเตรียมพร้อมรับมือเมื่อมีคนถามเรื่องส่วนตัว ถ้าตอบได้ก็ตอบไป แต่ถ้าไม่อยากตอบก็ควรตอบกลับไปด้วยความสุภาพและถนอมน้ำใจ เพราะการถามเรื่องส่วนตัว ถือเป็นคำถามที่ละเอียดอ่อน ถ้าตอบไม่ดีกลับไป อาจทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกันในภายหน้าได้ หากเราไม่ชอบการถามแบบนี้ก็ให้พยายามหาคำตอบที่ดีสุด หรือพยายามหาเรื่องเปลี่ยนหัวข้อสนทนา จะทำให้เราสามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างมีความสุขโดยไม่ต้องหลีกเลี่ยงหรือหลบหน้าใครๆอีก ใครมีวิธีตอบคำถามแบบนี้ให้ดูดี ช่วยเพื่อนแชร์ตรงคอมเมนท์ได้นะคะ
เงินเดือนเท่าไหร่
- ตอบไปว่าพออยู่พอกิน หรือ พออยู่ได้
- ตอบไปว่าไม่ชอบบอกเรื่องเงินเดือน ไม่บอกแล้วสบายใจกว่า
เมื่อไหร่จะมีแฟน
- ตอบไปว่าตอนนี้เป็นโสดยังมีความสุขดี ไม่เดือดร้อนอะไร สบายใจดี
- ตอบไปว่ายังไม่เจอคนถูกใจ
- ตอบไปว่าอยู่คนเดียวก็ดูแลตัวเองได้
เมื่อไหร่จะแต่งงาน
- ตอบไปว่าถ้าแต่งเมื่อไหร่จะบอก
- ตอบไปว่ายังไม่พร้อม กำลังเก็บเงินตั้งตัวอยู่
เมื่อไหร่จะมีลูก
- ตอบไปว่าอยากมี แต่ยังไม่ท้องสักที
- ตอบไปว่ายังไม่พร้อมมีภาระ