สูตรเคล็ดลับอายุยืน 100 ปี แข็งแรง ไม่มีโรค หน้าใสอ่อนกว่าวัย

สูตรเคล็ดลับอายุยืน 100 ปี

คนไทยมีอายุเฉลี่ย 75 ปี  คนเรามีอายุยืนเพิ่มขึ้นเพราะมีวิวัฒนาการทางการแพทย์เจริญขึ้น แต่ตัวการที่ทำให้ชายไทยมีอายุเฉลี่ยน้อยกว่าประเทศอื่น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ อุบัติเหตุ การดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ เพราะฉะนั้นอยากมีอายุยืนต้องระมัดระวังเรื่องพวกนี้ด้วย รวมถึง โรคหลอดเลือดและหัวใจ มะเร็ง เพราะเป็นโรคที่คนไทยตายกันมากที่สุด ส่วนผู้หญิงไทยนั้นที่ต้องระวัง คือ โรคซึมเศร้า

ร่างกายคนเราไม่มีอะไหล่เปลี่ยนเหมือนรถยนต์ ดังนั้นเราจึงต้องรักษาร่างกายให้ดีที่สุด หมั่นตรวจเช็คสุขภาพเราเองเสมอๆ

เพื่อให้ร่างกายเราใช้การได้ดีอยู่กับเรานานๆ เคล็ดลับสุดยอดที่ทำให้ผู้สูงอายุอายุยืนมากกว่า 100 ปี  คือความสุข และ กินแค่อิ่มก็พอ  Todaydd อยากให้คนไทยมีสุขภาพดีอายุยืน จึงได้รวบรวมเคล็ดลับจากผู้ที่อายุยืนหลายๆคนมาให้ได้อ่านกัน 


1. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ

  • นอนให้หลับสนิทวันละไม่ต่ำว่า 8-10 ชั่วโมง การนอนหลับสนิท เป็นสิ่งจำเป็นกับการซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอก การนอนไม่พอ อดนอนหรือนอนดึกทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติสุขภาพเสื่อมโทรม เป็นสาเหตุเหตุที่เป็นโรคหัวใจ เบาหวาน โรคอ้วนและสมองทึบ หน้าหมองคล้ำไม่สดใส ล้วนแต่เกี่ยวกับการอดนอนหรือนอนไม่พอทั้งสิ้น
  • ดื่มนมจืดอุ่นๆก่อนนอนประมาณ 3 ชั่วโมง จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่น หลับง่าย และเป็นช่วงที่ร่างกายรับแคลเซียมได้ดีทีุ่สด
  • ท่านอนที่ดี คือ นอนตะแคงกึ่งคว่ำหน้า ช่วยให้หลับลึก หลับสบาย ท่านี้ควรนอนตะแคงไปทางขวาให้ลำตัวซีกขวาอยู่ข้างล่าง  เพื่อให้กระเพาะอาหารทำงาน
  • กินอาหารเช้าที่มีประโยชน์ทุกวัน   อาหารมื้อเช้าอย่าให้ขาดเด็ดขาด เพราะอาหารมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด หากไม่ได้ทานอาหารเช้าจะทำให้ร่างกายลดระบบเผาผลาญลง การกินมื้อเช้าเป็นการเติมพลังงานให้ร่างกายและสมองให้พร้อมที่จะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพตลอดวัน ลดการอ่อนเพลีย และยังป้องกันโรคเบาหวาน โรคนิ่ว โรคเส้นเลือดสมอง โรคอัลไซเมอร์ โรคหัวใจและโรคอ้วนได้อีกด้วย พยายามทานแป้งกับน้ำตาลให้น้อยที่สุด และไม่มีรสจัด เผ็ด หรือมัน เกินไป
  • รับแสงแดดทุกเช้าเพื่อรับวิตามินดี 20 นาที วิตามินดี 90% มาจากแสงแดด สร้างจากผิวหนัง (10% มาจากการกิน) วิตามินดีทำให้กระดูกแข็งแรง แดดก่อน 8 โมงเช้า เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการรับแดด (ถ้าหลังจาก 8 โมงเช้าแดดจะแรงเกินไป อาจทำให้หน้าเป็นฝ้า) ถ้าไม่มีเวลารับแดดตอนเช้าจะเป็นหลัง 5 โมงเย็นก็ได้ สัปดาห์ละ 4-5 ครั้งก็เพียงพอแล้ว

2. ขับถ่ายทุกวัน

  • หลังตื่นนอน ดื่มน้ำ 2+3 แก้วก่อนแปรงฟัน จะช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น

2. รักษาความสะอาดร่างกายและที่อยู่อาศัยเสมอ

ประเทศไทยเราเป็นเขตร้อนชื้นค่ะ ทำให้เชื้อโรคและแมลงที่เป็นพาหะนำโรคเจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ได้ง่ายมากๆ  ฉะนั้น เราควรดูแลรักษาความสะอาดของร่างกาย เสื้อผ้า เครื่องใช้ และบ้านของเราให้สะอาด ปลอดภัยเป็นประจำ อยากปล่อยให้ตัวเองซกมก มาเช็คดูค่ะว่าคุณทำสิ่งเหล่านี้หรือยัง

  • ล้างหน้าให้สะอาด ง่วงยังไงก็ต้องล้างหน้า เช็ดเครื่องสำอางค์ออกให้หมด เลือกโฟมล้างหน้าให้เหมาะกับผิว อย่าเปลี่ยนครีมบำรุงบ่อยเพราะอันไหนที่เราไม่เคยใช้อาจแพ้ ทำหน้าเยินได้ ครีมกันแดดคือสิ่งจำเป็นเพราะเมืองไทยแดดแรง ถึงวันไหนไม่มีแดดก็มีรังสี UVA ที่ทำให้ผิวเหี่ยว
  • แปรงฟันให้ถูกวิธี ตรวจสุขภาพฟันปีละครั้ง
  • อาบน้ำ อย่างน้อยวันละ1 ครั้ง
  • สระผมให้สะอาด
  • จัดบ้านให้สะอาด
    • กำจัดแหล่งขยะมูลฝอยให้ถูกสุขลักษณะ

3. คิดก่อนกินทุกครั้ง

เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ เรากินอะไรก็เป็นอย่างนั้น อยากสุขภาพดีก็เลือกกินของที่ดีต่อสุขภาพ เมื่อรู้ว่าอาหารที่ไม่ควรกิน ก็ควรพยายามเลี่ยงให้ได้มากที่สุด อะไรที่มีประโยชน์ต่อร่างกายก็ไปซื้อมากินซะ มีหลักง่ายๆ ดังนี้นะคะ

กินสิ่งที่ควรกิน

  • ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8 แก้วจิบน้ำบ่อยๆ สมองประกอบด้วยน้ำ 85 เปอร์เซ็นต์ เซลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำต้นไม้ก็เหี่ยว การดื่มน้ำทำให้ขับของเสียออกจากร่างกาย หน้าตาผิวพรรณจะผ่องใสโดยไม่ต้องใช้ครีมราคาแพง สังเกตง่ายๆตรวจดูปัสสาวะถ้ายังใสหรือมีสีเหลืองอ่อนแสดงว่ารับน้ำอย่างเพียงพอแล้ว แต่ถ้าปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม หมายความว่าร่างกายกำลังอยู่ในภาวะขาดน้ำ
    • หลังตื่นนอนก่อนแปรงฟันดื่มทันทีอย่างน้อย 2 แก้ว เพื่อช่วยขับของเสียและสารพิษจากอาหารที่เราได้รับในแต่ละวัน และเพื่อให้เลือดในร่างกายเราไหลเวียนได้สะดวก
    • ไม่ควรดื่มน้ำภายใน 45 นาทีหลังรับประทานอาหาร  เพราะระบบย่อยอาหารต้องทำงานหนัก ต้องผลิตน้ำย่อยออกมามากกว่าปรกติ ทำให้ดูดซึมสารอาหารได้ไม่เต็มที่
    • ดื่มน้ำระหว่างวัน ในอุณภูมิปกติไม่ร้อนไม่เย็น  ทยอยดื่มบ่อยๆ ครั้งละ 2-3 อึกหรือไม่เกินครึ่งแก้วต่อครั้ง เพื่อให้ลำไส้ดูดซึมได้ทันและไตทำงานไม่หนัก
    • นอกจากน้ำเปล่า อาจได้จากการรับประทานอาหารหรือผลไม้ที่มีน้ำมาก
    • ถ้ากินอาหารรสจัดมาก เผ็ด เค็ม มัน เปรี้ยว ให้ดื่มน้ำเยอะขึ้น
    • กินอาหารที่มีโปรตีนสูง กินไข่ได้วันละ 2-4 ฟอง โปรตีนจะไปช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
  • เลือกกินแต่ของที่มีประโยชน์  กินเมนูที่มีคุณค่าทางอาหารครบ 5 หมู่ทุกมื้อ เน้นกินอาหารปรุงสดใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น สาหร่าย เต้าหู้ และปลาทะเล โดยเฉพาะพวกผักใบเขียว หัวไชเท้า มะเขือยาว เน้นรสชาดแท้ของวัตถุดิบ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปพวกไส้กรอก แฮม ขนมปัง
  • เน้นกินพืช ผักผลไม้ เป็นส่วนใหญ่ กินเนื้อสัตว์ปานกลาง กินไขมัน แป้ง น้ำตาล ให้น้อย กินอาหารถูกสัดส่วน ต้องกินสูตร 2 : 1 : 1 คือ
    2 ส่วน กินผัก ผลไม้ (อาหารที่มีเส้นใย วิตามิน เกลือแร่)
    1 ส่วน กินโปรตีน เช่น เนื้อปลา ไข่ขาว เนื้อไก่ เต้าหู้ขาว ถั่วแดง นมจืด นมถั่วเหลือง
    1 ส่วน กินคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮสวีท
  • เน้นทำกินเอง ไม่หวาน ไม่เค็ม ไม่มัน ไม่จัด ไม่ผงชูรส 
  • กินอาหารไม่เกินพลังงานหรือแคลอรี่ที่เราควรได้รับในแต่ละวัน เพราะหากกินมากเกินไปจะทำให้อ้วน แต่ควรกินขั้นต่ำ… เพื่อไม่ให้ร่างกายอ่อนเพลียและเป็นโรคขาดสารอาหาร เราสามารถคำนวณพลังงานที่ต้องการได้โดยคำนวณจากความสูงและน้ำหนักง่ายๆ
  • คนวัย 40 อัพ ควรกินอาหารวันละไม่เกิน 1,300 กิโลแคลอรี เพราะ ยิ่งอายุเยอะการเผาผลาญยิ่งไม่ดี โดยเน้นอาหารโปรตีนสูง ช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดและกล้ามเนื้อ ที่ขาดไม่ได้คือการกินผักจานใหญ่ทุกมื้อ
  • เน้นกินปลาเป็นหลัก กินผักเป็นพื้น กินเนื้อปลาดีที่สุดเพราะย่อยง่าย มีไขมันที่ดี และมีประโยชน์กับร่างกาย และเน้นกินผักในทุกมื้ออาหาร โดยให้สัดส่วนของผักเป็น 2 ส่วน คาร์โบไฮเดรต 1 ส่วน และโปรตีนอีก 1 ส่วน หรือ จำง่ายๆว่า 2:1:1
  • ล้างผักให้ปลอดสารพิษ 
  • กินไขมันดี คนไม่ค่อยรู้ว่า สมองคือก้อนไขมัน
    ซึ่งจำเป็นต้องมี ไขมันดีไปทดแทน ส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กิน ไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดี อย่างปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรส เป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เซลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซี กินแล้วสดชื่น
  • กินอาหารสีรุ้ง พบว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายและสมอง รวมถึงวิตามินที่ช่วยให้ผิวพรรณดูอ่อนวัย

สีแสดและแดง เช่น แอปเปิ้ลแดง แครอท แตงโม พริกแดง มะเขือเทศ สตรอเบอรี่

สีม่วง สีคราม สีน้ำเงิน เช่น บลูเบอรี่ องุ่นม่วง หอมแดง บี้ทรู้ท

สีเขียว เช่น ผักใบสีเขียวต่างๆ แอปเปิ้ลเขียว กีวี องุ่นเขียว

สีเหลือง เช่น มะม่วงสุก ส้ม พริกหวาน

  • กินถั่วและเมล็ดธัญพืช เพราะมีวิตามินเยอะ ช่วยป้องกันสารพัดโรค คือ เมล็ดทานตะวัน อัลมอนต์ แม็คคาเดเมีย มะม่วงหิมพานต์ งาดำ งาขาว ถั่วลิสง ถั่วลันเตา ถั่วงอก  ถั่วเหลือง เมล็ดเชีย (Chia) ลูกเดือย เม็ดบัว ถั่วแดง ถั่วดำ รำข้าว ถั่ววอลนัต
  • กินธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวหอมนิล จมูกข้าว ขนมปังโฮลวีท ข้าวสาลี มูสลี่ ข้าวโอ๊ต คนที่กินธัญพืชไม่ขัดสีทุกวันเป็นอาหารเช้ามานานกว่า 5 ปี จะมีอายุยืนขึ้น เพราะธัญพืชไม่ขัดสีมีสารแอนติออกซิแดนท์ ใยอาหารและปัจจัยอื่นช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดและความดันโลหิต ส่งเสริมให้ร่างกายใช้กลูโคสและฮอร์โมนอินซูลินได้ดีขึ้น
  • เมนูอาหารที่ดีต่อร่างกาย มีสารอาหารเกือบครบ 5 หมู่ ที่ผู้คนอายุยืนได้แนะนำไว้ คือ ซูชิ แกงจืดเต้าหู้หมูสับ
  • ดื่มไวน์แดงเป็นประจำวันละสองแก้ว 
  • ดื่มชาหรือชาเขียว (แบบชงร้อนและไม่เติมน้ำตาล)ในปริมาณที่พอเหมาะ วันละ 4 ถ้วย จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นอัลไซเมอร์ มะเร็ง และทำให้สุขภาพฟันและกระดูกแข็งแรงขึ้น เวลาที่เหมาะสมกับการดื่มชาคือ หลังอาหาร 2-3 ชั่วโมง คนที่ไม่ควรดื่มชาคือ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง/โรคหัวใจ/โรคกระเพาะ  ผู้ที่กินยาก็ไม่ควรดื่มชา เพราะทำให้ดูดซึมยาได้น้อย

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง 

  1. อาหารที่ไม่ควรกิน คือ น้ำมันพืชแปรรูปต่างๆ น้ำตาลทุกประเภท และอาหารแปรรูปทุกชนิด
  2. ควบคุมอาหารหวาน มัน เค็ม เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต และระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปรกติ โดย  จำกัดน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน ไขมันไม่เกิน 6 ช้อนชา และเกลือ 1 ช้อนชาต่อวัน จำง่ายๆ ว่า 6:6:1  ปรุงให้ใกล้เคียงกับรสชาติแบบธรรมชาติที่สุด
  3. ลดเค็ม ลดโรค ไม่อยากเป็นโรคไตวายพยายามอย่ากินอาหารโซเดียมเยอะ ไตจะทำงานหนัก คือ อาหารกระป๋อง เนื้อเค็ม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมขบคี้ยว ฟาสต์ฟู๊ด อาหารสำเร็จรูป ไข่เค็ม ลดเครื่องปรุง เกลือไม่เกิน1ช้อนชา น้ำปลาไม่เกิน 4ช้อนชา น้ำจิ้มสุกี้ไมเกิน3ช้อนโต๊ะ
  4. หลีกเลี่ยงโลหะหนัก ซึ่งมักปะปนมากับการทานผลไม้ที่มียาฆ่าแมลง การทานวิตามินรวมที่มี Minerals ผสมอยู่มากเกินที่ร่างกายต้องการ การทานเนื้อสัตว์และนมในปริมาณมากๆ เป็นประจำทุกวัน รวมถึงการย้อมผม การมีบ้านอยู่ใกล้โรงงานหรือติดถนนใหญ่ โลหะหนักเมื่อเข้าไปปนเปื้อนในสมองแล้ว จะทำให้เส้นใยสมองในบริเวณนั้นตาย
  5. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารฟอร์มาลีน ใช้สารฟอร์มาลินกับอาหารสด เพื่อไม่ให้เน่าเสียง่าย อาหารที่กรมอนามัยตรวจเจอสารนี้พบได้แก่ อาหารทะเล กุ้ง ปลาหมึก หมึกกรอบ กระชายหั่นฝอย เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหอมสด สไบนาง(ผ้าขี้ริ้ว) ขิงหั่นฝอย ถั่วฝักยาว หน่อไม้ ยอดมะพร้าว ผักกาดขาว ถ้าเนื้อสัตว์หรือผักนั้นไม่เหี่ยวและยังดูมีความสดมากๆ แม้จะวางขายอยู่นานแล้ว หรือหากมีกลิ่นฉุนๆ แสบจมูก ก็ไม่ควรซื้อ
  6. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัว ซึ่งเป็นไขมันตัวร้ายทำร้ายสุขภาพที่อยู่ในเนยขาวแ­ละมาการีน เป็นไขมันที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วร่างกายจัดการไม่ได้ เพิ่มคอเลสเตอรอลในเลือด มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด ถ้าเลี่ยงได้ให้เลี่ยงอย่าทานหรือทานให้น้อยที่สุด ซึ่งมักจะอยู่กลุ่ม อาหารทอด ขนมเบเกอรี่ เครื่องดื่มทรีอินวัน เช่น ขนมปัง ปาท่องโก๋ มันฝรั่งทอด คุกกี้ โดนัท ข้าวโพดคั่ว โรตี เค้ก  ครีมเทียม เฟรนช์ฟรายส์ ขนมขบเคี้ยวต่างๆ ไก่ทอด ฟาสต์ฟู้ด อาหารทอด พายกรอบ และแครกเกอร์ รวมถึงสัตว์ปีก น้ำมันปาล์ม
  7. หลีกเลี่ยงกินของทอด โดยเฉพาะอาหารที่ต้องทอดจนใช้น้ำมันท่วมและทอดซ้ำ น้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันรำข้าว  น้ำมันทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง หากจะทอดใช้ความร้อนสูงจะเกิดสารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกายหลายชนิด ทำให้เป็นสารก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง หลอดเลือด หัวใจ และมะเร็ง อาหารไทยที่ตรวจเจอมีสารโพลาร์ในน้ำมันมาที่สุดคือ ลูกชิ้นทอด ไก่ทอด หมูทอด นักเก็ต
  8. หลีกเลี่ยงกินของปิ้งย่าง หรือ ใช้ความร้อนสูง
  9. หลีกเลี่ยงสารกันบูด โดยเฉพาะ ขนมปัง ขนมอบ เบเกอรี่ ขนมเปี๊ยะ หรืออาหารสำเร็จรูป อ่านฉลากทุกครั้งว่ามีสารกันบูดหรือไม่ (ขนมบางอย่างเขียนว่า “มีวัตถุเจือปน”)

4. จัดสภาพแวดล้อมในการทำงาน

  • ท่านั่งทำงานให้ถูกต้อง พยายามนั่งลึกเข้าไปให้เต็มเก้าอี้ที่สุด ยืดหลังให้ตรง เท้าทั้ง 2 วางที่พื้นเต็มเท้าอย่างมั่นคง
  • ท่ายืนให้ยืนตัวตรงเหมือนมีแจกันวางอยู่บนศีรษะ พยายามยืดหลังไว้ไม่ให้แจกันตก เดินลงส้นและเชิดปลายเท้าขึ้น ก้าวทุกก้าวด้วยฝีเท้าที่มั่นคงไม่เดินเขย่ง
  • ถนอมสายตา บางคนใช้งานดวงตาหนัก ทำให้ต้องเลิกทำงานแต่อายุน้อยๆ  เพื่อให้เราสามารถใช้ดวงตาทำงานให้เราได้นานๆ คนที่ใช้คอมพิวเตอร์และมือถือประจำ มาถนอมสายตาแต่เนิ่นๆดีกว่า
    1. พักสายตาทุกๆ 30 นาที โดยหลับตาหรือมองไปไกลๆ 5-10 นาที
    2. ปรับแสงและความคมชัดของหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้รู้สึกสบายตา ไม่สว่างจ้าเกินไป
    3. ควรหาตำแหน่งวางจอคอม ให้แสงตกกระทบเฉียงๆ กับหน้าจอ เพื่อลดแสงสะท้อนรบกวน
    4. ใช้แผ่นกรองรังสีติดไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อลดแสงจ้าจากจอคอมพิวเตอร์ลง
    5. ทำความสะอาดหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่เสมอ เพราะฝุ่นจะทำให้เกิดการสะท้อนแสงมากขึ้น
    6. ไม่อ่านอะไรบนรถ เพราะหน้าจอจะสั่น เพราะภาพหรือตัวหนังสือจะสั่นไปด้วย
  • วิธีคลายเครียดง่ายๆ 

5. ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ

การออกกำลังกาย นอกจากทำให้ร่างกายจะแข็งแรง  ผิวพรรณดีขึ้น  และดูอ่อนกว่าวัยแล้ว  โรคภัยต่าง ๆ ยังไม่มากวนใจเราอีกด้วย  อาจจะไม่ต้องใช้ยารักษาอาการโรคต่างๆเลยก็ได้ เพราะ “กีฬาคือยาวิเศษ”

  • ออกกำลังกายตามวัย ตัวอย่าง
    • เด็กอายุ 7-12 ปี กระโดดเชือก วิ่งไล่จับ
    • วัยรุ่น อายุ 13-25 ปี กีฬาต่างๆ เช่น ฟุตบอล แบดมินตัน ว่ายน้ำ
    • ผู้ใหญ่ อายุ 26-60 ปี ปั่นจักรยาน วิ่งจ๊อกกิ้ง กายบริหารยืดเหยียดต่างๆ
    • ผู้สูงอายุ 50 ปีขึ้นไป ไทเก๊ก โยคะ
  • การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพหรือแบบแอโรบิกอย่างน้อยต่อเนื่อง 30 นาที ช่วยให้เลือกสูบฉีดไปเลี้ยงทุกส่วนร่างกายดีขึ้น เช่น เดินเร็ว เต้นแอโรบิค ถีบจักรยาน วิ่งจ๊อกกิ้ง ว่ายน้ำ ลูวิ่ง วิธีออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ก็คือ แกว่งแขนครั้งละ 300-400ครั้ง ดูทีวีไป หรือ เดินไปไหนก็ได้ (เดินเล่น เดินห้าง) ชายควรเดินวันละ 10,000 ก้าว หญิงวันละ 8,800 ก้าว ถ้าใช้เครื่องนับก้าวช่วยจะง่ายขึ้นเยอะ ทำง่ายๆเป็นประจำให้มันซึมในชีวิตประจำวัน แค่นี้ก็เพียงพอป้องกันโรคได้แล้ว (ถ้าออกกำลังกายแบบยากเกินตัวเองจะทำได้ เช่น จะต้องมี six pack อะไรแบบนั้นก็จะทำให้เบื่อและเลิกในที่สุด) ส่วนคนที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม หมอแนะนำให้ปั่นจักรยานอยู่กับที่ เพราะไม่มีแรงกระแทกมากเหมือนเดิน ออกกำลังกายอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน วันละ 30 นาที
  • ดินมากกว่าใช้รถยนต์ คนที่อายุยืนจะเดินอย่างน้อย 30-60 นาทีต่อวันเพื่อไปทำงาน ไปโรงเรียน หรือทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
  • ฝึกสมองป้องกันโรคอัลไซเมอร์ สมองจะมีการพัฒนาไปเรื่อยๆตามสิ่งที่เราพบเห็นและเรียนรู้ต่างๆ เราควรฝึกให้สมองที่ต้องใช้ความคิด ทบทวนความจำ ทำให้สมองมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จะช่วยชะลอการเสื่อมถอยของสมองได้ โดยการฝึกทำกิจกรรมใหม่ที่ไม่เคยทำ เช่น วาดรูป การเรียนรู้ในการใช้คอมพิวเตอร์ เล่นดนตรีไทย เดินเร็ว การออกกำลังกายที่ช่วยการทรงตัว เชียร์กีฬา(เป็นการฝึกสมองให้คนดูรู้จักวางแผน คิดตามไปด้วยแม้จะไม่ได้ลงแข่งขันเอง)
  • หาอะไรทำที่มีการเคลื่อนไหวแทนการนอนหรือนั่งเฉยๆทั้งวัน เช่น ปลูกต้นไม้ ปลูกผัก ทำสวน ตกปลา เขียนหนังสือ วาดภาพ เลี้ยงหลาน เลี้ยงหมาแมว ออกกำลังเบาๆ ทำอาหาร เดินเล่น
  • เล่นโยคะ ช่วยให้เธอได้ฝึกใช้สมองและยังช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง

6. หมั่นศึกษาและป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ

  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะพยายามควบคุมระดับน้ำตาล ไขมันและความดันโลหิต
  • รักความสะอาดเป็นนิสัย บ้านเรือนและบริเวณสาธารณะประเทศที่พัฒนาแล้ว มักได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลในกทำให้ช่วยลดเชื้อที่ก่อให้เกิดโรค หรือสัตว์ที่เป็นพาหะของโรค
  • วิธีป้องกันโรคหัวใจ
  • เสริมให้กระดูกแข็งแรง เพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุน วิธีเสริมแคลเซียม คือกินเมนูที่มีเต้าหู้ ถั่วเหลือง นมพร่องมันเนย เช่นแกงจืดเต้าหู้ และผักใบเขียว เช่น คะน้า

7. อารมณ์-ห้ามเครียด

ท่องไว้เสมอว่า อารมณ์เสียอายุสั้น อารมณ์ขันอายุยืน กฎเหล็กของการอายุยืนคือ ห้ามเครียด มีความฉลาดทางอารมณ์ พยายามทำตัวให้มีความสุข ร่าเริง ไม่เครียด เพราะความเครียดทำให้เสียสุขภาพจิต และทำให้เกิดโรคต่างๆกับร่างกายเราอีกด้วย หัดใช้ชีวิตที่เรียบง่าย สบายๆ เพราะมีผลต่อสภาพจิตใจ เราต้องรู้จักจัดการกับความเครียดให้หมดไป

  • ธรรมมะ 
  • การได้พูดคุยกับคนอื่นที่สามารถให้คำปรึกษาได้ จะช่วยให้เรามีมุมมองแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น
  • กิจกรรมคลายเครียด 
  • การมีกิจกรรมทางสังคมอย่างต่อเนื่อง
  • การแบ่งปันและช่วยเหลือผู้อื่น ให้ความช่วยเหลือในด้านสังคม ด้านการเงิน ความเจ็บป่วย ค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้กำลังใจเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน จะทำให้คนไทยมีอายุยืนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น

[/su_list]

เมื่อเจาะเลือดคนที่อายุยืนตรวจดูพบว่าคนมีสารอนุมูลอิสระในเลือดค่อนข้างต่ำและไม่ค่อยป่วยเป็นโรคร้ายแรงถึงแม้จะมีอายุมากแล้วก็ตาม เป็นเพราะทำตามแนวทางง่ายๆดังนี้

  • ดื่มชา น้ำผสมสมุนไพร อาหารให้พลังงานต่ำ หรือไวน์แดงวันละแก้ว 
  • เมนูมักจะเป็นพืช ถั่วเหลือง ซุปปลา มิโสะซุป ผักต้ม หัวไชเท้า มันเทศ มะระ และแครอท อาจมีผัดผักกับน้ำมันเล็กน้อยโดยผัดไม่นาน และอาจกินเต้าหู้บ้าง ใช้สมุนไพรมารสปรุงอาหาร เช่น ขมิ้น ขิง อาหารไทยที่ดีต้อสุขภาพ เช่น น้ำพริก ปลาย่าง
  • กินพออิ่มโดยกินให้อิ่มประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของกระเพาะอาหารเท่านั้นเป็นการควบคุมควบคุมแคลอรี่
  • ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็ต้องมีเป้าหมาย “วันนี้จะทำอะไร?”  มีงานอดิเรกหรือมีอะไรทำ ไม่อยู่นิ่ง ไม่มีวันเกษียณ การทำงานเป็นการออกกำลังกาย ยืดอายุให้ร่างกายแข็งแรงตลอดเวลา
  • ปลูกพืชผักผลไม้ปลอดสารพิษกินเอง การทำสวนช่วยให้ได้ออกกำลังกายและคลายเครียด 
  • รู้จักคลายเครียด ผ่อนคลายสมองและร่างกาย  ทำอะไรที่เราชอบ ไม่ว่าจะเป็นการงีบหลับ บันเทิง สวดมนต์ ท่องเที่ยว “ท่องไว้เสมอว่า อารมณ์เสียอายุสั้น อารมณ์ขันอายุยืน
  • รู้จักเข้าสังคม เพื่อให้เกิดการช่วยเหลือกัน รู้จักเลือกคบเพื่อนที่จะทำให้ชีวิตเราเป็นบวก คิดบวก พูดบวก ทำบวก

การที่เราจะมีอายุยืนถึง 100 ปีหรือไม่ ไม่สำคัญเท่ากับการเป็นคนที่มีสุขภาพดีและมีคุณภาพ ไม่เป็นภาระแก่คนรอบข้างก็น่าจะพอใจแล้ว