การฟอกสีฟันที่บ้าน ผลเสียการฟอกสีฟัน

การฟอกสีฟันที่บ้าน (Home Bleaching) หมายถึง ฟอกฟันขาวด้วยตัวเอง ท่านสามารถนำน้ำยาฟอกสี กลับไปฟอกฟันเองที่บ้านได้โดยอยู่ในความควบคุมดูแลของทันตแพทย์ ทันตแพทย์หลังการตรวจสอบและวางแผน จะพิมพ์ปากท่าน เพื่อนำไปทำถาดฟอกสีฟันจำเพาะแต่ท่านและนัดท่านมาอีกครั้งเพื่อรับถาดฟอกสีฟันน้ำยาฟอกสีฟันในความเข้มข้นต่างๆตามแต่ทันตแพทย์วางแผนพร้อมรับคำแนะนำในการใช้งาน เพื่อท่านนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องที่บ้านอาจใส่เพียง 1-2 ชม หรือทั้งคืน

น้ำยาฟอกสีฟันกลุ่มนี้มีหลายความเข้มข้น แต่อยู่ในระดับที่ปลอดภัย ถ้าใช้อย่างถูกต้อง ปัญหาส่วนมากที่มีและอาจเกิดขึ้นได้ เช่น อาการเสียวฟันระหว่างที่ฟอก ซึ่งอาการพวกนี้มักเกิด ชั่วคราว ระยะเวลาสั้นๆอาจหายไปได้เอง น้ำยาฟอกสีฟันบางตัวเช่น น้ำยาฟอกสีฟันของ Opalescence จะมียากันเสียวฟันผสม
อยู่ในตัวแล้่ว ให้ผลในทันที และกันเสียวได้อย่างดีมากๆหรือบางทีทันตแพทย์จะให้น้ำยากันเสียวเสริมเพิ่มเติมมาให้ด้วย ท่านควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างถูกต้อง ถ้ามีปัญหา ท่านก็สามารถที่จะสามารถปรึกษาทันตแพทย์ของท่านได้ ทันตแพทย์จะช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย การฟอกสีฟันด้วยวิธีนี้เป็นวิธีที่ยอมรับเป็นมาตราฐานมากที่สุด อาจจะใช้ระยะเวลานานหน่อยแต่ให้ผลดีที่สุด สามารถฟอกสีฟันให้ความขาวได้หลายระดับตามต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสีฟันที่ฟอกยากๆ ต้องใช้วิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น จึงจะประสบผมสำเร็จดังหวัง

การฟอกสีฟันแบบทำเองที่บ้าน มีอุปกรณ์ คือ น้ำยาฟอกสีฟัน กับฟันยาง เพื่อใส่น้ำยาให้แนบกับผิวฟัน ฟันยางเนี่ย ต้องคุณหมอทำให้นะครับ เพราะถ้าซื้อตามร้านขายยามันใส่ไปก็หลวมๆ ไม่แนบกับฟัน ก็ไม่มีผลอะไร เสียเงินเปล่าๆครับ วิธีใช้ก็บีบน้ำยาใส่ฟันยาง แล้วก็ใส่นอน หรือใส่ไว้ประมาณ 5-6 ชั่วโมง ทุกวัน 2-3 สัปดาห์ ก็เสร็จ ข้อดีก็คือ น้ำยาค่อยๆซึมเข้าไป โอกาสเสียวฟันก็น้อยกว่าวิธีอื่น และพบว่าจะขาวนานกว่าวิธีอื่นครับ ข้อเสียคือ นาน ไม่ทันใจเลย บางครั้งลืมใส่ ก็ไม่ค่อยขาว แถมบางคนใส่ไม่ถูกวิธี ก็มีโอกาสกลืนน้ำยาเข้าไปด้วยครับ

ราคาฟอกสีฟันขาว

ค่าใช้จ่ายในการฟอกสีฟัน ราคาค่อนข้างจะแตกต่างกันมากหน่อยนะครับ แต่ละที่คิดไม่ค่อยเท่ากัน ราคาไม่เป็นมาตรฐานเท่าไหร่ ราคาคร่าวๆนะครับ

แบบแรก ฟอกสีฟันที่บ้าน

  • ค่าฟันยาง 2 ชิ้น ฟันบนกับฟันล่าง ประมาณชิ้นละ 1,000-1,500 บาท รวม 2,000 -3,000 บาท
  • ค่าน้ำยาฟอกสีฟันที่บ้าน หลอดละประมาณ 500-800 บาท 1 หลอดใช้ได้ประมาณสองวัน ส่วนมากคุณหมอจะให้เป็นกล่อง กล่องละ 4 หลอด ใช้ได้ 1 อาทิตย์ เท่ากับ 2,000 -3,000 บาท
  • ส่วนมากต้องทำ 2-3 อาทิตย์ ดังนั้นรวมๆแล้ว ชุดฟอกสีฟันที่บ้าน จะตกอยู่ประมาณ 6,000-9,000 บาทครับ
  • เพราะฉะนั้น เวลาถามราคาการฟอกสีฟันที่บ้าน ต้องดูด้วยนะครับ ว่าได้รับน้ำยาไปใช้ทั้งหมดเท่าไหร่ ราคาถูกก็ได้น้ำยาน้อย เป็นธรรมดาครับ เลยเปรียบเทียบแต่ละที่ยากหน่อย
  • บางคน ถ้าใช้น้ำยาประหยัด ไม่บีบเกินออกมามาก ก็จะประหยัดเงินได้นะครับ

แบบที่สอง ฟอกฟันขาวที่คลินิก

  • ถ้าเลเซอร์ จะประมาณ 8,000 – 15,000 บาทครับ (ที่แตกต่างกันมากเพราะ เครื่องเลเซอร์มีราคาแพง ถ้าใช้ไปนานๆจนคุ้มทุน ก็ไม่มีต้นทุนค่าเครื่อง ทำให้สามารถลดราคาลงมาได้ครับ)
  • ถ้าเป็นแสงแบบอื่น ราคาประมาณ 4,000 – 6,000 บาท ครับ

การฟอกสีฟันที่บ้านให้ได้ผลดี

ข้อแนะนำเพื่อให้การฟอกสีฟันด้วยตัวเองที่บ้าน ได้ผลอย่างมีประสิทธิสูงสุด

1. ควรจะแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟัน ทำการขัดฟันให้สะอาด ก่อนที่จะใส่ถาดฟอกสีฟัน

2. จะต้องเช็ดถาดฟอกสีฟันให้แห้งสนิท ก่อนที่จะป้ายน้ำยาฟอกสีฟันลงไป

3. ควรป้ายน้ำยาฟอกสีฟันในปริมาณที่พอดี ประมาณเม็ดถั่วเขียวก็พอ ไม่ควรป้ายน้ำยาฟอกสีฟันให้มากเกินไป เพราะจะทำให้น้ำยาที่มากเกินไปไหลออกมาจากถาดฟอกสีฟัน ซึ่งถ้ามีปริมาณมากก็อาจจะทำอันตรายต่อเนื้อเยื่อในช่องปากได้

4. ก่อนที่จะใส่ถาดฟอกสีฟัน ต้องเช็ดผิวหน้าฟันของฟันทุกซี่ เพื่อให้ผิวหน้าฟันแห้งมากที่สุด เพราะถ้ามีน้ำลายเกาะอยู่ที่ผิวหน้าฟัน จะทำให้ความเข้มข้นของน้ำยาฟอกสีฟันเจือจางลง

5. หลังจากที่ป้ายน้ำยาตรงถาดฟอกสีฟันแล้ว จะต้องใส่ถาดฟอกสีฟันให้แน่น กระชับ โดยจะต้องใช้นิ้วกดถาดฟอกสีฟันให้แนบสนิทกับฟัน ทั้งที่บริเวณฟันด้านหน้า และด้านข้าง เพื่อให้แน่ใจว่าได้สวมถาดฟอกสีฟันในตำแหน่งที่ถูกต้องแล้ว

6. ในระหว่างที่ใส่ถาดฟอกสีฟัน ควรจะเป็นเวลาที่ไม่มีกิจกรรมการพูด หรือการรับประทานอาหาร แนะนำให้ใส่ในระหว่างนอนหลับจะดีกว่า

7. ในระหว่างที่ใส่ถาดฟอกสีฟัน ไม่ควรถอดเข้าถอดออก ควรจะถอดก็ต่อเมื่อครบเวลาแล้วเท่านั้น

8. ให้กลืนน้ำลายตามปกติ เพราะถ้าอมน้ำลายไว้ อาจจะทำให้น้ำลายไหลเข้าไปในถาดฟอกสีฟัน และทำให้น้ำยาฟอกสีฟันเจือจางได้

9. ห้ามใช้น้ำบ้วนปากในขณะที่ใส่ถาดฟอกสีฟัน

10. หลังจากที่ถอดถาดฟอกสีฟันออกแล้ว ควรทำความสะอาดฟัน และถาดฟอกสีฟันให้สะอาดทุกครั้ง

11. ควรเก็บรักษาน้ำยาฟอกสีฟัน และถาดฟอกสีฟันให้พ้นจากความร้อน และแสงแดด

ผลเสียการฟอกสีฟัน

1.เสียวฟัน
อาการเสียวฟันที่เกิดขึ้น จะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น โครงสร้างของฟันแต่ละคน ความสึกของฟัน ฟันซี่นั้นๆได้เคยผ่านการอุดฟันหรือไม่ เป็นต้น

ข้อควรปฏิบัติ ควรหยุดทำการฟอกสีฟันก่อนชั่วคราวประมาณ วันเว้นวัน และสังเกตุดูว่าอาการเสียวฟันหายไปหรือไม่ ถ้ายังไม่หาย ก็อาจจะทิ้งช่วงให้ห่างขึ้นคือ หยุดฟอกสีฟัน 2-3 วัน แล้วจึงลองทำการใส่ถาดฟอกสีฟันดูใหม่ ถ้าอาการเสียวฟันหายไป แสดงว่า ความเข้มข้นของน้ำยาฟอกสีฟัน อาจจะสูงเกินไป หรืออาจจะเกิดจากระยะเวลาของการใส่ถาดฟอกสีฟันแต่ละครั้งนานเกินไป ซึ่งความเข้มข้นของน้ำยาฟอกสีฟันที่บ้าน และระยะเวลาที่ให้น้ำยาสัมผัสกับผิวฟันที่เหมาะสม จะแตกต่างกันไปในแต่ละคน อาจจะต้องมีการปรับให้เหมาะสมในช่วงแรก ถ้าอาการเสียวฟันยังไม่หาย ก็ควรจะไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียดต่อไป

2.ปวด แสบ หรือเป็นแผล บริเวณเหงือกรอบๆซี่ฟัน
อาจจะเกิดจากการป้ายน้ำยาฟอกสีฟันลงในถาดฟอกสีฟันในปริมาณที่มากเกินไป ทำให้ขณะที่ทำการใส่ถาดฟอกสีฟัน อาจมีน้ำยาซึมออกมาสัมผัสกับเหงือก หรือกระพุ้งแก้มรอบๆฟัน ซึ่งอาการที่มักจะเกิดในช่วงแรกคือ เหงือกบริเวณนั้นจะมีสีที่ซีดขาว

ซึ่งอาการนี้จะหายไปเมื่อกำจัดสาเหตุออกไปแล้วประมาณ 2-3 วัน และไม่มีผลอันตรายใดๆ

สิ่งที่ควรรู้ในการฟอกสีฟัน

1. อาการเข็ดฟันหรือเสียวฟันหลังฟอกสีฟันนั้น เป็นเรื่องปกติชั่วคราว จะค่อยๆหายไปอย่างรวดเร็ว

2. ถ้าท่านมีอาการนี้มาก หรือมีปัญหาอื่นๆที่มากไปกว่านี้ ไม่ต้องไปวิตกกังวลกรุณาติดต่อทันตแพทย์ของท่านโดยด่วน เพราะเป็นผู้ที่แก้ไขปัญหาให้ท่านได้ เช่น มีน้ำยากันเสียวฟันในหลายขนาด หลายรูปแบบ และ หลายวิธีการ หรือมีแนวทางที่จะจัดการช่วยแก้ไขปัญหาอื่นๆ ให้กับท่านได้อย่างง่ายๆ

3. ระหว่างทำการฟอกสีฟัน ควรงดอาหาร ที่มีรสจัด รสเปรี้ยว อาหารที่มีสี สูบบุหรี่ ดื่มกาแฟ

4. ความเป็นจริง คือ น้ำยาฟอกสีฟันที่ทันตแพทย์ใช้กับท่าน มีฤทธิ์เสริมอีกอย่างคือเป็นยาฆ่าเชื้อโรคในช่องปาก [Oral Anticeptive] ดังนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ที่เมื่อทำการฟอกแล้ว จะมีแผลพุพองในช่องปากจริงแล้วกลับเป็นตัวทำให้แผลในช่องปากที่ท่านอาจมี หายเร็วขึ้น

5. น้ำยาที่ใช้ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย ไม่เคยมีรายงานว่า มีคนไข้แพ้น้ำยาพอกสีฟันไม่เป็นตัวที่ทำให้เกิดมะเร็ง น้ำยาฟอกที่ใช้ เมื่อกลืนเข้าไป ก็ไม่มีอันตรายเพราะในขั้นสุดท้ายจะแตกตัวเป็น น้ำ กับ ยูเรีย [ Urea – สารที่มีปัสสาวะของมนุษย์ ]

6.ไม่ควรทำการฟอกสีฟัน เมื่อท่านอยู่ระหว่างการรักษาร่างกายในเรื่องอื่นๆ ระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมลูก แม้ว่ามันจะไม่มีผลเสียอะไร

7. การฟอกสีฟันนั้น ได้ผลเฉพาะเนื้อฟันจริง ไม่รวมถึงวัสดุอุดฟันสีเหมือนฟันหรือฟันปลอม ฟอกสีฟันแล้ว และจะขาวไม่เท่ากันทุกคน การฟอกสีฟันทำให้ฟันขาวขึ้นโดยคุณหมอฟันจะวัดเป็นขั้นความขาวครับ ส่วนใหญ่ก็จะขาวขึ้นประมาณ 3-4 ขั้น ของแถบวัดสีฟัน แต่ก็ขึ้นกับสีฟันเดิมด้วยครับ ถ้าฟันออกสีโทนเหลือง หรือขาว จะสามารถฟอกให้ขาวได้มากกว่า โทนเทาหรือน้ำตาล(สองโทนนี้ไม่ค่อยได้ผลครับ)หรือถ้าฟันเหลืองจากยา หรือ เนื้อฟันผิดปกติ พวกนี้ฟอกสีฟันไม่ได้ผลนะครับ

8. การฟอกสีฟันในควบคุมดูแลโดยทันตแพทย์ นั้นให้ผลสำเร็จสูงมากมีการวิจัยพบว่า อัตราผลความสำเร็จของการรักษานั้นมากถึง 98% ไม่ว่าสีฟันจะเข้มมากน้อยเพียงใด ทันตแพทย์จะทำสำเร็จเสมอ ถ้าท่านให้ความร่วมมือทีดี ต่างเพียจอาจใช้เวลาแตกต่างกัน และเมื่อฟอกแล้ว ก็ให้ผลค่อนข้างถาวร อาจเข้มขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่เคยพบว่าสีฟันเข้มจะกลับคืนเป็นสีตั้งต้น มี 2% เท่านั้น ที่ทำการรักษาไม่ได้ผล

9. หลังการฟอกสีฟันอาจกลับเข้มขึ้นมาอีก จะมากหรือน้อย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ จากการกิน การสูบบุหรี่ ดื่มกาแฟ หรือ อายุที่เพิ่มมากขึ้นท่านสามารถฟอกเพิ่มเติม ให้สีฟันยิ่งขาวยิ่งขึ้น หรือฟอกสีที่กลับเข้มมากขึ้นให้ขาวดังเดิมได้ในภายหลัง และอย่างง่ายๆ ใช้เวลาอันสั้น

เรียบเรียงจาก: http://newtrenddental.fix.gs ,

Leave a Reply