คนขี้เกียจก็ประสบความสำเร็จได้

คนขี้เกียจก็ประสบความสำเร็จได้

อย่ามีชีวิตอยู่ไปวันๆ จงมีชีวิตอยู่เพื่อทุกวัน

ความขี้เกียจ เป็นอุปสรรคหรือตัวร้ายที่ทำให้เป้าหมายหรืองานของคุณไม่สำเร็จ  การผลัดวันประกันุพร่ง และเสียเวลาไปกับความขี้เกียจโดยที่ไม่ได้อะไรเลย ซึ่งเวลานั้นไม่สามารถเรียกกลับคืนได้ สาเหตุของความขี้เกียจ คือ การขาดเป้าหมาย ความไม่อยากได้  ความเบื่อหน่าย ขาดแรงบันดาลใจหรือแรงจูงใจ

เราคงไม่อยากให้ใครมาว่าเราเป็นคนขี้เกียจ เพราะหมายถึงคนที่ไม่รู้จักทำผลงานให้เป็นที่ชื่นชมได้ เช่น สอบตกเพราะขี้เกียจอ่านหนังสือ ห้องรกเพราะขี้เกียจทำความสะอาด อ้วนเพราะขี้เกียจออกกำลังกาย ไม่มีเงินเพราะขี้เกียจทำงานหาเงิน ดูแล้วคนขี้เกียจเป็นคนไม่ได้เรื่องเลยใช่ไหมคะ

มาดูวิธีกําจัดความขี้เกียจกันค่ะ แต่เราจะทำได้ไหม ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่าตั้งใจแน่วแน่สักแค่ไหน ทำตามสต็ปนี้เลยนะคะ

10 วิธีทำให้คนขี้เกียจประสบความสำเร็จ

1. สร้างเป้าหมายและแรงจูงใจให้ตัวเองอย่างแรงกล้า 

เลือกทำในสิ่งที่ตัวเองรักเป็นเป้าหมาย ทำให้ตัวมีฝัน มีไฟในตัวเอง ให้คิดหาเหตุผลว่าทำไมเราต้องทำ ทำไมเราต้องอยากได้ แล้วสร้างแรงจูงใจโดยคิดถึงว่าหากทำได้แล้วจะดียังไง  ถ้าไม่ทำจะเกิดผลเสียยังไง คนที่ไม่มีเป้าหมายจะกลายเป็นคนขี้เกียจ เพราะไม่รู้หน้าที่ว่าเราต้องทำอะไร เหมือนคนที่เดินทางโดยไม่มีแผนที่ อยู่ไปวันๆ ไม่มีเป้าหมายให้ยึดเหนี่ยวจิตใจ การมีความมุ่งมั่นที่แรงกล้า เป็นแรงผลักดัน ให้เริ่มต้นลงมือทำ และทำอย่างต่อเนื่องไปจนถึงเป้าหมาย

2. ทำเรื่องที่ชอบและถนัด

คนขี้เกียจถ้าให้ไปทำเรื่องที่เขาไม่ชอบก็คงไม่ทำ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เขารักและชอบแล้วจะทำอย่างไม่รู้จักพอ ชนิดที่ว่าสามารถหมกมุ่นอยู่กับมันได้ทั้งวัน  ไม่ว่าจะเป็นคนขี้เกียจขนาดไหนก็ต้องมีสิ่งที่เราชอบและถนัด ซึ่งถือเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จได้ เพราะเราเป็นคนขี้เกียจจึงไม่ชอบรับงานเยอะ การโฟกัสทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้ดีสุดๆไปเลย ทำให้ผลงานออกมาดีกว่าคนที่ทำหลายๆอย่างพร้อมกันแต่ไม่มีประสิทธิภาพเสียอีก และเนื่องจากคนขี้เกียจชอบรับงานน้อยๆจึงต้องคิดผลตอบแทนที่คุ้มค่าด้วย เพราะคนขี้เกียจจะไม่ทำถ้าไม่คุ้มหรือไม่มีประโยชน์พอที่จะเสียเวลากับมัน

3. วางแผนให้มีประสิทธิภาพที่สุด

เพราะคนขี้เกียจไม่ใช่คนขยันจึงต้องหาวิธีการทำงานที่ไม่ต้องทำงานมาก เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ คิดหาว่าวิธีไหนทำแล้วง่ายสุด มีประสิทธิภาพที่สุด บริหารได้ดีที่สุด บริหารเวลาให้เป็น ใช้คนให้เป็น ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีเข้าช่วยให้งานเสร็จไวขึ้น ทำให้ผลงานออกมาดีที่สุดโดยไม่ต้องทำซ้ำๆหรือแก้ไขงานบ่อยๆ ไม่ต้องตะบี้ตะบันทำงานเองให้หนักมากแต่ผลงานก็ออกมาดีได้เช่นกันถ้าวางแผนดี

4. เตรียมร่างกายเราให้พร้อม กินอิ่ม นอนหลับและพักผ่อนให้เพียงพอ

คนขี้เกียจ มักมีข้ออ้างเสมอ เตรียมร่างกายเราให้พร้อมก่อนลุย! กินให้อิ่ม นอนให้พอ รวมถึงอุปกรณ์ต่างที่จะเริ่มทำตามความฝันให้พร้อม จะได้ไม่มีข้ออ้างว่าทำไมถึงต้องขี้เกียจ หิว ง่วง เพลีย หรือว่าไม่พร้อมที่จะทำงานนั่นเอง

5. กำหนดตารางวันและเวลาที่แน่นอน

เมื่อเราวางแผนงานที่เราคิดว่าดีที่สุดแล้ว ให้ทำตาราง “สิ่งที่ต้องทำ” เมื่อมีตารางเวลาทำงานที่แน่นอน ทำให้รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง เวลาเท่าไหร่ เสร็จกี่โมง โดยไม่ต้องให้สมองได้คิดหาข้ออ้างต่างๆนา คิดว่าต้องทำไหม ทำไมต้องทำ งานยากไป เดี๋ยวค่อยทำ การที่ตั้งเวลาทำเสร็จที่แน่นอน ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับเล่นเกมส์ที่ท้าทายอยู่  ถ้าเล่นเกมส์เสร็จจะได้รางวัลที่เราตั้งไว้

6. อยู่ในสภาพแวดล้อมที่พร้อมทำงาน

หาที่ๆทำให้เรามีปัญหาน้อยที่สุดในการทำงาน บางครั้งสภาพแวดล้อมหรือสังคมก็ทำให้ขี้เกียจได้นะ

  • การอยู่ท่ามกลางคนคิดบวก ทำให้เราขยันได้กว่าอยู่คนเดียวหรืออยู่กับคนขี้เกียจเหมือนกัน เช่น อยู่กับคนที่ตั้งใจทำงาน ออกกำลังกายด้วยกัน ไปเรียนภาษาเหมือนกัน หรืออ่านหนังสือเหมือนกันจะดีกว่า
  • คนขี้เกียจบางครั้งอยู่ในภาพแวดล้อมที่มีความล่อใจ เช่น ติดเกมส์ ติดละคร ติดมือถือ ให้เอามันออกไปห่างๆซะจะได้ไม่เสียเวลากับมัน ไม่งั้นก็ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี เสียงดังมากไปไม่มีสมาธิก็หาหูฟังมาใส่ซะแล้วฟังเพลงบรรเลงจะช่วยให้สมาธิให้ดีขึ้น

7. ใช้เครื่องมือทุ่นแรง

หากกลัวว่างานที่ทำอยู่มันยาก ก็จงหาวิธีที่ช่วยให้ทำงานได้ง่ายและเสร็จเร็วขึ้น ปัจจุบันมีเทคโนโลยีพัฒนาเครื่องมือทุ่นแรงขึ้นมามากมาย เพื่อช่วยคนขี้เกียจทั้งนั้น

8. ลงมือทำทันที!

ปกติเวลาจะทำอะไรคนขี้เกียจมักจะบอกว่า “เดี๋ยวก่อน” ให้เปลี่ยนเป็น “ทำเดี๋ยวนี้” 

[su_highlight background=”#fffb99″] วิธีเลิกผัดวันประกันพรุ่ง คือ…ให้ทำเลยทันที![/su_highlight]

อย่าเลื่อนเวลาออกไป อ้างนู่นอ้างนี่ หรือรอเวลาให้พร้อมเป๊ะๆ ถ้าทำได้ให้ลงมือทำเลยทันที เพราะเวลาเราบอกว่า “เดี๋ยวก่อน” พอเวลาผ่านไปมักจะลืม ไม่ได้ทำให้สำเร็จซักที เป็นเรื่องธรรมดาเวลาที่เราจะทำอะไรเรามักจะคิดลบว่าทำแล้วมันจะเจออุปสรรคอะไรหรือเปล่า ทำให้กลัวที่จะลงมือทำ เช่น ทำแล้วจะมีคนติ เราทำไม่ได้แน่เลย เราไม่เก่งพอ ยังไม่พร้อม ดังนั้นวิธีแก้คือ ไม่ต้องคิดมากว่าทำแล้วเป็นอย่างไร มันจะเจออะไรที่ลำบากหรือไม่  ให้คิดว่า “ทำแป๊บเดียว แค่ 10 นาทีเอง” ถ้าเราเริ่มทำไปแล้วมันจะหยุดทำยาก บางครั้งมันทำไปแล้วเพลินดีหยุดไม่ได้ซะด้วยซ้ำ

9. ทำให้เป็นเรื่องสนุก และตั้งรางวัลให้กับตัวเองทุกครั้ง

เพราะความคิดที่ว่ามันไม่สนุกที่จะทำ เลยเกิดความขี้เกียจ แล้วเราจะทำอย่างไรให้มันสนุกละ อาจจะคิดเล่นเกมส์แข่งกับเวลา เช่น ทำความสะอาดบ้านก็ฟังเพลงหรือรายการวิทยุที่ชื่นชอบไปด้วยแล้วกำหนดว่าต้องทำเสร็จก่อนกี่เพลง  หรือการฟังเพลงเร็วๆกระตุ้นเวลาออกกำลังกาย เมื่อทำเสร็จแล้วก็ต้องมีรางวัลให้ตัวเองทุกครั้ง อาจจะได้ดูหนังที่อยากดูซักเรื่องหรือได้กินอะไรอร่อยๆ  ต้องทำการบ้านให้เสร็จก่อนแล้วค่อยออกไปเที่ยว เป็นต้น การตั้งรางวัลให้ตัวเองบ่อยๆ ถ้าเราคิดถึงรางวัลที่เราจะได้รับ เราจะไม่ขี้เกียจและมีไฟ อยากทำงานนั้นให้เสร็จเร็วๆ

10. อ่าน ดูหรือติดตามรายการที่เป็นแรงบันดาลใจ

ถ้าท้อแท้ ขี้เกียจมากๆ รู้สึกไม่มีไฟ ก็ให้อ่านหนังสือ ดูรายการทีวี ทอร์คโชว์ หรือเข้าอบรมกับวิทยากรที่เก่งๆ รวมถึงติดตามคำคมตามโซเชียลทาง Facebook Twitter จะสามารถกระตุ้นไฟเปลี่ยนความขี้เกียจกลายเป็นคนขยัน มีแรงจูงใจ ผลักให้เราทำงานไปสู่เป้าหมายได้เร็วขึ้น

การที่เป็นคนขี้เกียจแต่ไม่ใช่ไม่เอาถ่านอะไรสักอย่าง ถึงจะเป็นคนขี้เกียจแต่ก็ต้องเป็นคนมีความคิดดี ฉลาดในการทำงาน วางแผนเป็น บริหารคนเป็น ใช้คนเป็น ถึงจะประสบความสำเร็จได้

สร้างวินัย ทำให้เคยชิน


ถึงจะเป็นคนขี้เกียจแค่ไหนก็ต้องมีวินัย ตราบใดที่เรายังทำตามอารมณ์อยู่เรื่อยไป “วินัย” จะไม่เกิดขึ้น ก็จะกลายเป็นคนไม่เอาไหนไป การที่เราขยันแค่วันเดียวหรือเพียงชั่วคราวไม่ใช่วิธีกําจัดความขี้เกียจที่ดี เพราะครั้งต่อไปคุณก็จะขี้เกียจอีกจนเรียกได้ว่า ขี้เกียจจนเป็นนิสัย  โดยใช้สูตรทำเรื่องนั้นๆอย่างต่อเนื่องเป็นประจำอย่างน้อย 21 วัน…จนเกิดเป็น ขยันจนเป็นนิสัย นั่นเองค่ะ เราขี้เกียจได้แต่ปล่อยให้ความขี้เกียจเป็นเวลาสำหรับการพักผ่อนสำหรับเราเท่านั้นจะดีกว่า